City Hunter และการเปลี่ยนแปลงของชินจูกุในรอบ 30 ปี

City Hunter และการเปลี่ยนแปลงของชินจูกุในรอบ 30 ปี

ชินจูกุ

“City Hunter: Shinjuku Private Eyes” เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่เปิดฉายในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีฉากหลังเป็นเรื่องราวอันแสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในย่านชินจูกุในยุคปัจจุบัน ผ่านตัวละคร ซาเอบะ เรียว เป็นมือปืนและนักสืบเอกชนที่ทำงานในเขตชินจูกุ เขามีทักษะการยิงปืนที่เก่งฉกาจพอๆ กับความตื่นตัวทางเพศต่อสาวๆ จนมักถูกคู่หูของเขา มากิมุระ คาโอริ สั่งสอนด้วยค้อนยักษ์ 100 ตัน ครั้งนี้พวกเขาต้องรับหน้าที่คุ้มกันผู้ว่าจ้างสาวสวย ชินโด ไอ จากกลุ่มโจรก่อการร้ายที่หมายปองความลับบางอย่างที่เชื่อมโยงกับแผนการร้ายที่จะส่งผลต่อทุกคนในเมืองแห่งนี้ ขณะเดียวกัน คาโอริก็พบกับเพื่อนสมัยเด็ก มิคุนิ ชินจิ ซึ่งเขาก็กลายเป็นศัตรูหัวใจของซาเอบะ เรียว และอาจเกี่ยวข้องกับแผนก่อการร้ายครั้งนี้

ชินจูกุ

     หนึ่งในแฟนมังงะจากเว็บไซต์ J-Town.net ได้กล่าวว่า แฟนของอนิเมชั่นเรื่องนี้ควรไปดูที่ชินจูกุ หลังออกจากโรงภาพยนตร์ พวกเขาควรลองออกไปเดินสำรวจสถานที่ต่าง ๆ ที่ปรากฏบนภาพยนตร์ หนึ่งในสิ่งที่แตกต่างจากความเป็นจริงอย่างมากคือ สถานีรถบัสด่วนพิเศษชินจูกุ (Shinjuku Expressway Bus Terminal) ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะผู้ที่ต้องการขอความช่วยเหลือจากซิตี้ฮันเตอร์ พวกเขาจะต้องทิ้งข้อความพร้อมรหัสลับ “XYZ” เอาไว้ภายในสถานีแห่งนี้ แต่ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของซิตี้ฮันเตอร์ คุณก็จะไม่มีทางเห็นสถานีแห่งนี้ในมังงะหรืออนิเมของมันมาก่อนอย่างแน่นอน เพราะว่าสถานีแห่งนี้พึ่งจะเปิดให้ใช้บริการในปี 2016 นั่นเอง

     ในช่วงยุค 80 ย่านชินจูกุเป็นไม่กี่แห่งในโตเกียวที่แทบไม่มีตึกสูงเลย ในยุคนั้นตึกสูงเพียงตึกเดียวเป็นตึกของบริษัท ซมโปะ ประกันภัย ส่วนตึกอาคารสำนักงานบริหารมหานครโตเกียวนั้นพึ่งจะสร้างเสร็จในปี 1991 ตึกอาคารเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิก็พึ่งจะสร้างเสร็จในปี 2000 ส่วนตึกที่เป็นจุดถ่ายรูปอย่างโหมด กะกุเอ็น โคคูน ทาวเวอร์ ก็พึ่งจะสร้างเสร็จในปี 2006 ตึกที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญในย่านชินจูกุเหล่านี้ล้วนมีปรากฏใน “City Hunter: Shinjuku Private Eyes” ทั้งสิ้น แต่คุณจะไม่มีทางได้เห็นพวกมันในมังงะหรืออนิเมอย่างแน่นอน

ชินจูกุ

     นอกจากตึกอาคารแล้ว คุณก็จะได้เห็น สวนชินจูกุเงียวเอน ย่านโกลเด้นไกที่เป็นสถานที่โปรดสำหรับนักเที่ยวกลางคืน และรูปปั้นก็อดซิลล่าที่ตั้งอยู่ในโรงภาพยนตร์โทโฮย่านคาบูกิโจที่คุณจะได้เห็นในฉากแอคชั่นสำคัญของหนัง ซึ่งมันเป็นรูปปั้นที่พึ่งจะสร้างเสร็จในปี 2015 ที่ผ่านมานี้เอง

     “City Hunter: Shinjuku Private Eyes” กำกับโดย เคนจิ โคดามะ เขียนบทโดย โยอิจิ คาโต้ (Aikatsu!, Yo-kai Watch) ออกแบบตัวละครโดย คุมิโกะ ทากาฮาชิ (Birdy the Mighty, Card Captor Sakura) และแต่งเพลงโดย ทาคุ อิวาซากิ (Gurren Lagann) สร้างโดยสตูดิโอ Sunrise เพลง “Get Wild” ซึ่งเป็นเพลงปิดของอนิเมะซีรีย์ได้ถูกนำมาใช้อีกครั้งเป็นเพลงปิดภาพยนตร์  ด้านทีมพากย์ของซิตี้ฮันเตอร์เป็นทีมเดียวกันกับที่เคยพากย์อนิเมชั่น  อากิระ คามิยะ พากย์ในบท ซาเอบะ เรียว, คาซูเอะ อิคุระ พากย์ในบท มากิมุระ คาโอริ, ฮารุมิ อิชชิริวไซ (หรือ โยโกะ อาซากามิ) พากย์ในบท โนงามิ ซาเอโกะ, เทชโช เกนดะ พากย์ในบท อุมิโบซึ และ มามิ โคยามะ พากย์ในบท มิกิ

     จากหนังสือการ์ตูนสุดคคาสสิคที่มียอดขายทั่วโลกมากกว่า 50 ล้านฉบับ สู่ภาพยนตร์อนิเมชั่นฟอร์มร้อน กับการกลับมาอีกครั้งของ ซาเอบะ เรียว สุดยอดนักสืบพลัง Beep แห่งชินจูกุในรอบ 20 ปี ใน  “City Hunter The Movie : Shinjuku Private Eyes ซิตี้ฮันเตอร์ โคตรนักสืบชินจูกุ บี๊ป” 12 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

อ้างอิง: https://www.animenewsnetwork.com/interest/

true

คำที่เกี่ยวข้อง

Sushi
Sushi
OS newsletter

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้

Quick Menu